ตัวอย่างตารางการเปรียบเทียบของเครื่องซักผ้า

หัวข้อ	2 ถัง	ฝาบนถังเดียว	ฝาหน้า
Image
ราคา	ถูกสุดในบรรดาทั้ง 3 ประเภท	ราคาอยู่ในระดับกลางของ 2 ถังและฝาหน้า	ราคาสูงที่สุดในบรรดาเครื่องซักผ้า 3 ประเภท
ความสะดวกสบาย	การทำงานทั้งหมดต้องใช้แบบ manual คือต้องมาทำการเลือกเองทั้งหมดทั้งการใส่น้ำ ปั่นหมาด และย้ายผ้าจากถังซักมาถังปั่นหมาด	เป็นแบบ อัตโนมัติ สะดวกสบายขึ้น เพราะตัวเครื่องจะ ทำการคำนวน ระดับน้ำ เวลาการทำงาน ให้เหมาะสม กับน้ำหนักของผ้า ลูกค้าเพียงแค่ใส่ผงซักฟอกและน้ำยา ปรับผ้านุ่ม	เป็นระบบอัตโนมัติเช่นเดียวกับเครื่องซักผ้าฝาบน
ถนอมผ้า	การทำงานความสะอาดของผ้านั้น  ใช้วิธีการหมุนซ้าย-ขวา ของจานซักซึ่งทำ ให้เกิดแรงบิดของน้ำ ซึ่งใช้ในการทำความ สะอาดผ้า จึงไม่ค่อยถนอมเนื้อผ้าเท่าใดนัก	การทำงานยังคงใช้การหมุนจานซัก  ซ้าย-ขวาเพื่อทำให้เกิดแรงบิดของน้ำ ที่ใช้ในการทำความสะอาดเสื้อผ้า ซึ่งในระยะนาน ก็ไม่ถนอนเนื้อผ้าเท่าที่ควรเช่นกัน	สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า จะมีระบบน้ำร้อนซึ่งจะมีฮีทเตอร์  ทำหน้าที่ต้มน้ำให้เกิดความร้อนที่นำมาใช้กับการทำความสะอาดผ้า จึงไม่จำเป็นต้องการแรงบิดของน้ำจึงถนอมผ้ามากว่าทั้ง 2 ถังและฝาบนถังเดียว และน้ำร้อนจะทำให้สิ่งสกปรกหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น
การประหยัดพลังงาน	ใช้น้ำปริมาณมากในการทำความสะอาด  ใช้กำลังไฟน้อย	ใช้น้ำปริมาณมากในการทำความสะอาด  ใช้กำลังไฟน้อย	ใช้ปริมาณน้ำน้อยกว่าทั้ง 2 แบบ เนื่องจากมีน้ำร้อนเข้ามาช่วย ทำความสะอาด แต่ก็ใช้ไฟมากขึ้นเช่นกันเนื่องจากมีฮีทเตอร์ เป็นตัวทำความร้อนให้กับน้ำ
มอเตอร์	มีมอเตอร์แยกกัน 2 ตัวระหว่างถังซักและถังปั่นหมาด ดังนั้นจึงทำให้เกิดข้อดีคือ หากถังในถังหนึ่งเสีย ยังคงมีการถังที่ยังคงใช้งานได้	มีมอเตอร์ 1 ตัว เนื่องจากมี 1 ถังดังนั้นหากเสียต้องรอ ระยะเวลาซ่อม แต่การประกันจะมีทั้ง 5 ปี และ 11 ปี ในบางรุ่น ซึ่งการรับประกันจะยาวนานกว่าเครื่อง 2 ถัง	มอเตอร์มี 1 ตัว แบบเดียวกับเครื่องฝาบน ดังนั้น หากเครื่องเสียเกี่ยวกับมอเตอร์ ก็ใช้งานไม่ได้เช่นกัน  การรับประกันก็จะแบ่งเป็น 5 ปี และ 11 ปีเช่นเดียวกับถังเดียว
เพิ่มผ้าขณะซัก	สามารถเปิดฝาเพื่อเพิ่มผ้าในขณะซักหรือปั่นหมาดได้ตลอดเวลา ข้อดีคือหากลืมสิ่งของไว้ด้านใน สามารถที่จะเปิดฝานำออกมาได้ตลอดเวลา ^^	สามารถเปิดฝาได้เช่นกันทั้งขณะซักและปั่นหมาด เช่นเดียวกับเครื่อง 2 ถัง เพราะฉนั้นหากลืมสิ่ง ของไว้ด้านในก็สามารถเปิดนำออกมาได้เช่นกัน	หากเครื่องเริ่มทำงานแล้ว จะไม่สามารถเปิดฝา เพื่อเพิ่มผ้าหรือนำสิ่งของออกมาได้ เชนเดียวกับฝาบนและ 2 ถัง  เพราะเนื่องจากหากเปิดฝาน้ำจะไหลออกมาจากด้านหน้าของเครื่อง
การออกแบบ	ออกแบบเรียบง่าย เน้นเรื่องการใช้งานเป็นหลัก	การออกแบบมีการพัฒนามากขึ้น  ทั้งทางด้านวัสดุและสีสันด้านนอก	ออกแบบมาค่อนข้างสวยงาม สามารถทำเป็นแบบ  built in (บิ้วอิน) ได้  และด้านบนสามารถวางสิ่งของได้อีกด้วย เนื่องจากฝาถูกเปิดออกมาจากด้านหน้าของเครื่อง
ระบบน้ำ	เนื่องจากเป็นเครื่องซักผ้าแบบ Manual ทั้งระบบดังนั้นจึงสามารถ ใช้ได้กับทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำปะปา หรือแบบตักน้ำใส่เข้าไปด้วยตนเอง	เป็นเครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติ ดังนั้นจึงสะดวกมากกว่าหาก ใช้กับน้ำปะปา เพราะว่าตัวเครื่องเมื่อถึงตอนที่เครืองจะดึง น้ำเข้าจะสามารถเรียกนำเข้าเครื่องเอง หากใช้แบบเติมน้ำ เข้าไปด้วยตัวเอง (ต้กน้ำเข้า) จะไม่สะดวกต่อการใช้งาน เพราะต้องมาคอยเฝ้าตลอดเวลา	จำเป็นต้องใช้กับน้ำปะปา หรือที่มีระบบปั้มน้ำอัตโนมัติเท่านั้น  เนื่องจากจะไม่สามารถเปิดฝาเครื่องเพื่อเติมน้ำเข้าไปได้

สรุปคร่าว ๆ ได้ดังนี้

1. เครื่องซักผ้า 2 ถัง : ราคาไม่แพง ใช้น้ำประมาณมากแต่ใช้ไฟน้อย การซักต้องเป็นแบบ Manual เองทั้งหมด ไม่ค่อยสะดวกต่อการใช้งานเท่าใดนัก

2. เครื่องซักผ้าแบบถังเดียวฝาบน : ราคาอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่แพงเกินไป และไม่ถูกมาก ยังคงใช้น้ำประมาณมากในการซัก ใช้ไฟน้อย เป็นแบบอันโนมัติ เพียงแค่ใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มและรอนำผ้าไปตาก

3. เครื่องซักผ้าฝาหน้า : ราคาแพงที่สุดในบรรดา 3 ประเภท ใช้น้ำน้อยเนื่องจากมีระบบน้ำร้อนเข้ามาช่วย แต่ก็ใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเช่นกัน เป็นแบบอัตโนมัติ ใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มแล้วรอเครื่องทำงานนำไปตาก และมีอบผ้าได้ด้วยในบางรุ่น