FAQ Galaxy S22 Series - คำถามและแนวทางการตอบที่เกี่ยวข้องกับ แบตเตอรี่ 1. Q : ฉันได้ยินมาว่าเวลาใช้งานแบตเตอรี่ Galaxy S22 series อาจสั้นกว่าที่คาดไว้ผ่านโซเชียลมีเดียออนไลน์ เช่น Youtube, twitter จริงหรือเปล่า? A : ไม่เป็นความจริงที่เวลาใช้งานแบตเตอรี่บนโซเชียลมีเดียมาจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับข้อมูลในเมนูแบตเตอรี่ในเครื่อง
(การตั้งค่า > แบตเตอรี่และการดูแลอุปกรณ์ > แบตเตอรี่ > การใช้งานตั้งแต่ชาร์จเต็มครั้งล่าสุด) เวลาเปิดหน้าจอ เวลาปิดหน้าจอ xx h xx m ที่ใช้หมายถึงเวลาที่ใช้แบตเตอรี่แต่ไม่ใช่เวลาใช้งานแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ของแบตเตอรี่ (เวลาเปิด/ปิดหน้าจอ) ซึ่งแตกต่างจากสภาพการวัดเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ 'เวลาบนหน้าจอ' หมายถึงเวลาที่ใช้แบตเตอรี่สะสมโดยมีสถานะเปิดของหน้าจอจนถึงขณะนี้ แต่ไม่ได้หมายถึงเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ ที่เหลืออยู่
'เวลาปิดหน้าจอ’ หมายถึงเวลาที่ใช้แบตเตอรี่สะสมโดยมีสถานะปิดของหน้าจอจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น จากในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับระยเวลา 'ใช้งาน 14 ชั่วโมง 55 นาที' , 'ใช้แล้ว 15 ชั่วโมง 40 นาที' ในเมนูข้อมูลแบตเตอรี่หมายถึงเวลาที่ใช้แบตเตอรี่สะสมในปัจจุบัน (เวลาหน้าจอตามเวลา + เวลาปิดหน้าจอ) แต่ ไม่ได้ หมายถึงเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ ที่เหลืออยู่
*เวลาใช้งานแบตเตอรี่อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์การตั้งค่าแอพที่ใช้ และฟีเจอร์ของผู้ใช้
2. Q : แม้ว่าฉันเพิ่งซื้ออุปกรณ์ Galaxy ใหม่และใช้งานภายใต้เงื่อนไขเดียวกันหลังจากซื้อดูเหมือนว่าแบตเตอรี่หมดเร็วกว่าอุปกรณ์ รุ่นก่อนและเวลาใช้งานของอุปกรณ์สั้นลง A : อุปกรณ์ Galaxy รองรับโหมดพลังงานที่ปรับให้เหมาะสมและคุณสมบัติการจัดการพลังงานของแอพเพื่อยืดเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ในช่วงสองสามวัน (ประมาณ 3 วัน) หลังจากซื้อผู้ใช้มักจะเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่นจำนวนมากและตั้งค่าคุณสมบัติต่างๆ สำหรั บการตั้งค่าอุปกรณ์เริ่มต้น และความถี่ของการทำงานในพื้นหลังจะปรับให้เหมาะสมในช่วงเวลานี้ ดังนั้นในช่วงแรกที่ซื้อคุณอาจรู้สึกว่ าเวลาการใช้งานแบตเตอรี่สั้นลงเมื่อเทียบกับอุปกรณ์รุ่นก่อน หากใช้คุณสมบัติการปรับแบตเตอรี่ให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติเมื่อผ่านไปประมาณ 7 วันหลังจากซื้อ คุณจะรู้สึกและใช้เวลาการใช้งานที่ใกล้เคียงกันเมื่อเปรียบเทียบกับอุปกรณ์รุ่นก่อน
นอกจากนี้อุปกรณ์ยังรองรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงสุด 120Hz ดังนั้นเมื่อคุณตั้งค่าความลื่นไหลในการเคลื่อนไหวของหน้าจอเป็นโหมด Adaptive อุปกรณ์ของคุณจะเปลี่ยนอัตราการรีเฟรชของจอแสดงผลโดยอัตโนมัติขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเนื้อหาที่ก าลังเล่น ด้วยเหตุนี้คุณจะได้ภาพเคลื่อนไหวและการเลื่อนที่ราบรื่นยิ่งขึ้นโดยการปรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอของคุณโดยอัตโนมัติสูงสุด 120Hz
อย่างไรก็ตามเมื่อใช้อุปกรณ์ในอัตราการรีเฟรชจอแสดงผล 120Hz แบตเตอรี่อาจหมดอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับ 60Hz ดังนั้น หากคุณต้องการประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ ขอแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ตามอัตราการรีเฟรชมาตรฐานที่ 60Hz (การตั้งค่า > จอแสดงผล > ความราบรื่นของการเคลื่อนไหว > มาตรฐาน) นอกจากนี้ ขอแนะนำให้ปรับเวลาการใช้ แบตเตอรี่ให้เหมาะสมโดยการตั้งค่าตัวเลือกแบตเตอรี่แบบปรับอัตโนมัติ (การตั้งค่า > แบตเตอรี่และการดู แลอุปกรณ์ > แบตเตอรี่ > การตั้งค่าแบตเตอรี่เพิ่มเติม > แบตเตอรี่แบบปรับอัตโนมัติ ) หรือเพิ่มแอปที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อเข้าสู่โหมดสลีป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานของคุณ เวลาใช้งานแบตเตอรี่อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการตั้งค่าอุปกรณ์ และสภาพการทำงานของคุณ หรือรายการแอพพลิเคชั่นที่ติดตั้ง
3. Q : อุปกรณ์ร้อนขึ้นขณะใช้อุปกรณ์ และมีอาการความร้อนปรากฏขึ้น A : อาการเครื่องร้อนอาจเกิดขึ้นได้จากการใช้งาน อย่างไรก็ตามตัวผลิตภัณฑ์ได้มีการติดตั้งระบบควบคุมความร้อน เพื่อให้มั่นใจว่ายังสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ซัมซุงได้ตรวจสอบคุณภาพการใช้งานของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นถัดไปให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ซัมซุงยังได้ตรวจสอบลักษณะการใช้งานหลากหลายรูปแบบที่อาจทำให้ เกิดความร้อนและมีแผนในการพัฒนาเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาในการใช้งานผลิตภัณฑ์
ซัมซุงจะพัฒนาและปรับปรุงซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานมีประสบการณ์ การใช้งานที่ดีที่สุด โปรดตรวจสอบซอฟต์แวร์อุปกรณ์ของคุณและอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดผ่านเมนูการตั้งค่า > การอัปเดตซอฟต์แวร์ > ดาวน์โหลดและติดตั้ง
ซัมซุงมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ใช้งานสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุด และยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพผลิตภัณฑ์มาเป็นอันดับหนึ่ง ขอแนะนำให้ทำสิ่งต่อไปนี้เมื่ออุปกรณ์ร้อนขึ้นระหว่างการใช้อุปกรณ์ :
• อัปเดตอุปกรณ์ด้วยซอฟต์แวร์ล่าสุดอยู่เสมอ
• ปิดแอปที่ทำงานทั้งหมด หรือ รีสตาร์ทอุปกรณ์
• ปิดใช้งานคุณสมบัติ Wi-Fi, GPS และ Bluetooth เมื่อไม่ได้ใช้งาน
• ปิดแอพที่เพิ่มการใช้แบตเตอรี่ หรือที่ทำงานในพื้นหลังเมื่อไม่ได้ใช้งาน
• ลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นหรือแอพที่ไม่ได้ใช้
• ลดความสว่างของหน้าจอ
• หากอุปกรณ์ร้อนเกินไปหรือรู้สึกร้อนเป็นเวลานานอย่าใช้งานสักครู่
4. Q : ทำไม S22 Series ถึงให้จำนวนแบตเตอรี่น้อยกว่า S21 Series ? A : ที่ S22 Series นั้นมีความจุที่น้อยกว่านั่นเป็นเพราะว่าเรื่องของการออกแบบและการคงน้ำหนักของตัวเครื่องให้เบามากกว่าเดิม จึงทำให้แบตมีจำนวนที่น้อยกว่า S21 Series แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ต้องกังวลเพราะว่า S22 Series นั้นมีชิพประมวลผลที่ประหยัดพลังงานมากกว่า จึงทำให้การใช้งานนั้นใกล้เคียงกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคลซึ่งจะมีความต่างของระยะเวลาในการใช้งานอยู่และที่สำคัญ S22 Series ยังมาพร้อมกับระบบชาร์จเร็ว 25W และ 45W
5. Q : สามารถที่จะเปลี่ยนการจำกัดของการชาร์จ Wireless Power Share ได้หรือไม่ A : คุณสามารถที่จะปรับการตั้งค่าการจำกัดแบตเตอรี่ในการชาร์จแบบ Wireless Power Share ได้ผ่าน Settings app, tap Battery and device care → Battery → Wireless power sharing→ Battery limit, และเลือกปรับได้เลยว่าอยากให้จำกัดการชาร์จอยู๋ที่เท่าไร สามารถปรับได้ตั้งแต่ 30% - 90% วิธีการใช้งาน ยกตัวอย่าง
ถ้าตั้งไว้ที่ 30% ถ้าแบตเตอรี่ของเครื่องอยู่ต่ำกว่า 30% จะไม่สามารถใช้งาน Wireless Power Share ได้
6. Q : สำหรับอุปกรณ์ S22 Ultra ที่มีการชาร์จแบบเร็วสุด 45W ถ้าฉันใช้สาย 3A ไม่ใช่สาย 5A ดูเหมือนว่าจะชาร์จไม่เข้าที่ 45W A :สำหรับการชาร์จพลังงาน 45W ควรชาร์จด้วยสาย 45W TA + 5A (เครื่องหมาย E) มิเช่นนั้นก็สามารถชาร์จไฟได้โดยใช้พลังงานน้อย
- สายเคเบิล 45W TA + 5A (เครื่องหมาย E) : การชาร์จ 45W
- สายเคเบิล 45W TA + 3A (ทั่วไป) : การชาร์จ 27~30W
- สายเคเบิล 25W TA + 5A (เครื่องหมาย E) : การชาร์จ 25W
- สายเคเบิล 25W TA + 3A (ทั่วไป) : การชาร์จ 25W
*inbox items : สายที่มาพร้อมอุปกรณ์ในกล่องเป้นแบบ 3A
**Travel Adapter 45W และสาย USB สำหรับ 45W(สาย 5A) แยกจำหน่าย
7. Q : ขณะใช้อุปกรณ์ พบหน้าต่างป๊อปอัป แจ้งเตือนเกี่ยวกับ “การทำให้อุปกรณ์เย็นลง" ปรากฏขึ้นพร้อมอาการความร้อนอย่างกะทันหัน และบังคับให้ปิดแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่ และเมื่อพยายามเปิดใช้งานแอปพลิเคชันอีกครั้งก็ไม่สามารถใช้งานได้ A : เมื่อคุณใช้คุณสมบัติหรือแอพพลิเคชั่นที่ต้องการพลังงานมากหรือใช้เป็นระยะเวลานาน หรือระหว่างการตั้งค่าเริ่มต้นหลังการเปิดใช้งานอุปกรณ์ครั้งแรกหรือเมื่อกู้คืนข้อมูลผ่าน Smart Switch หรือ การซิงค์ข้อมูลผ่านคลาวด์อุปกรณ์ของคุณอาจร้อนขึ้นชั่วคราวเนื่องจากการใช้งานพลังงานแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้น และระหว่างการชาร์จแบบไร้สายหรือแบบมีสาย อุปกรณ์และที่ชาร์จอาจร้อนจัด
นอกจากนี้ อุปกรณ์ของคุณอาจร้อนขึ้นเนื่องจากสภาพแวดล้อมภายนอก (เช่น ใช้เป็นเวลานานในบริเวณที่ร้อนจัด จัดเก็บอุปกรณ์ในอุณหภูมิที่ร้อนจัด ให้อุปกรณ์โดนแสงแดดโดยตรง เป็นต้น) เมื่ออุปกรณ์ร้อนขึ้นจากสภาพแวดล้อมหรือเกิดขึ้นระหว่างการชาร์จหรือใช้งาน อัลกอริธึมเพื่อป้องกันความร้อนสูงเกินไปของอุปกรณ์จะทำงาน และด้วยเหตุนี้คุณสมบัติและประสิทธิภาพจึงอาจถูกจำกัดด้วยป๊อปอัป “ทำให้อุปกรณ์เย็นลง" จากนั้น ความสว่างของหน้าจอและความเร็วของประสิทธิภาพจะถูกจำกัด แอปที่กำลังทำงานอยู่จะถูกปิด การโทรและคุณลักษณะอื่นๆ ทั้งหมดจะถูกจำกัด ยกเว้นการโทรฉุกเฉิน จนกว่าอุปกรณ์จะเย็นลง นอกจากนี้อุปกรณ์อาจปิดเพื่อให้เย็นลง นี่เป็นสภาพการทำงานปกติเพื่อป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์ ในขณะนั้น ให้ปิดแอปที่กำลังทำงานอยู่และอย่าใช้อุปกรณ์สักครู่ รอให้อุปกรณ์เย็นลงแล้วเริ่มใช้หรือชาร์จอุปกรณ์อีกครั้ง
8. Q : ดูเหมือนว่าแบตเตอรี่จะหมดเร็วขึ้นเมื่อความจุของแบตเตอรี่ต่ำกว่า 10% A : อุปกรณ์ Galaxy ได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับรูปแบบการบริโภคในปัจจุบันที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ใช้และแสดงความจุของแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ ในส่วนที่มีความจุต่ำ อุปกรณ์กำลังเร่งความเร็วในการลดพลังงานแบตเตอรี่เพื่อป้องกันความเสียหายของแบตเตอรี่ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้กระแสไฟขนาดใหญ่อย่างกะทันหัน และเป็นการทำงานปกติ ขอแนะนำให้รักษาระดับการชาร์จไว้เหนือระดับที่กำหนดเพื่อการใช้งานอุปกรณ์ที่เสถียร > > > > > > > > |