อัพเดทราคา วันที่ 16 มิ.ย. 58 เหลือ 21,900 บาท ราคา 25,900 บาท ขายและจองได้ในงาน Moblie Expo วันที่ 2 - 5 ตุลาคม สเปค Note 4 (SM-N910C) ราคา 25,900 บาท วางจำหน่ายวันที่ 18 ต.ค. 57 มี 3 สี : ขาว , ดำ , ทอง - micro SIM - รองรับ 4G - หน้าจอ 5.7" Super AMOLED - CPU : Octa - Core 1.9 GHz 1.3GHz 64 bits - RAM 3GB , หน่วยความจำภายใน 32GB , ใส่ SD Card ได้สูงสุด 128GB - รองรับการถ่าย VDO ความละเอียด UHD 4K (3840 x 2160) - กล้องหน้า 3.7 ล้าน , กล้องหลัง 16 ล้าน - ความจุแบตเตอรี่ 3,220 mAh เปิดตัว Galaxy Note 4 มีอะไรใหม่?
จุดเด่นของ Galaxy Note 4 ที่น่าสนใจคงจะมีหลักๆ 4 ส่วนนี้คือ 1.S Pen & S Note : มีการพัฒนาให้ใช้งานได้ง่ายและดีขึ้นกว่าเดิมได้อีก
จุดเด่นของ Galaxy Note ตั้งแต่รุ่นแรกมาก็คือปากกา S Pen ที่แต่ละรุ่นที่ออกมา Samsung ก็ยิ่งเพิ่มความสามารถและประสิทธิภาพของมันขึ้นไปให้เข้าใกล้กับปากกาจริงๆมากขึ้นเรื่อยๆ จนหลายๆคนเลือกที่จะใช้ปากกาแทนนิ้วจิ้มลงบนหน้าจอด้วยซ้ำ
ตัวของ S Pen ใน Galaxy Note 4 มีการพัฒนาให้รับรู้ถึงความหนักเบาในการกดมากกว่ารุ่นเก่าถึงเท่าตัวและที่คงต้องเฮกันเมื่อมีการบอกว่าเราสามารถเขียนได้แม้ว่าเราจะจับปากกาเอียงๆอยู่ก็ตามที แต่ฮาร์ดแวร์ที่ดีก็ต้องคู่กับซอฟท์แวร์ที่ใช้งานด้วยกันเพื่อความสามารถที่แท้จริงด้วย โดยใน Galaxy Note4 ได้มีการปรับเปลี่ยนคำสั่งใน Air Command เพิ่ม SmartSelect เข้าไป เพื่อให้ผู้ใช้ตัดภาพที่ต้องการรวบรวมเอามาเก็บๆรวมๆกันได้อย่างง่ายดาย ไปดูตัวอย่างการใช้งานกัน กดเรียก Air Command > ลากเพื่อจัดเก็บภาพบริเวณที่ต้องการ > รวมหลายๆภาพที่ต้องการไว้ด้วยกัน เข้าไปยังแอพที่รองรับ > ลากวางปุ๊บ ส่วนที่เราตัดเก็บเอาไว้จะแนบไปกับเอกสารนั้นทันที และนอกจากนี้ S Pen ยังถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้คล้ายๆเม้าส์อีกด้วย เช่น เราสามารถลาก S Pen เพื่อเลือกภาพที่ต้องการในGallery ได้ทีละหลายๆภาพ ไม่ต้องใช้นิ้วจิ้มที่ละไฟล์อีกต่อไป
หรือลากเพื่อเลือกข้อความใน Browser ก็ได้เหมือนกัน
นอกจากนี้นิสัยนึงของคนสมัยนี้คือชอบถ่ายภาพข้อมูลที่ถูกเขียนเอาไว้ ซึ่ง S Note ก็ยังช่วยให้จัดเก็บโน้ตพวกนี้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ด้วย Snap Note ที่จะปรับมุมมองดึงข้อความเหล่านั้นออกมา แล้วก็เปลี่ยนมาให้เราจดบันทึกต่อได้ง่ายๆทันที เหมาะมากสำหรับนักศึกษาที่จดเลคเชอร์หรือเวลาประชุมงานแล้วต้องการจะบันทึกข้อมูลกลับออกมา
สรุป ต้องรอดูว่าการใช้งานปากกาจะทำออกมาได้ใช้งานง่ายและสมบูรณ์ขนาดไหน ถ้าเกิดว่าสะดวกมากๆ และเนียนไม่ต่างจากใช้กระดาษ + สมุดจริง ก็จะเป็นจุดเด่นของ GalaxyNote ที่แม้จะมีรุ่นเรือธงใหม่ๆ เน้นเสปคแรงๆราคาถูกๆออกมาก็น่าจะหยุด Galaxy Note 4 ไม่ได้เพราะคนจะยอมจ่ายให้ฟีตจอร์ S Pen - S Note นี้เอง 2.กล้องหน้า-หลัง : เพิ่มความละเอียด และถ่ายภาพได้ไม่สั่นไหว Galaxy Note 4 ปรับปรุงกล้องหน้าให้ดีมากขึ้นตามเทรนด์ที่ชอบถ่าย Selfie - Wefie กันมากขึ้น เพิ่มความละเอียดเป็น 3.7MP รับแสงได้กว้างถึง 1.9 และองศาการถ่ายภาพที่กว้างเป็น 90 องศา (จากปกติ 77องศา) และสามารถใช้ Heart Rate Sensor ด้านหลังแทนปุ่มชัตเตอร์เพื่อให้กดถ่ายได้ง่ายขึ้น ป้องกันภาพสั่น
และช่วยแก้ปัญหาคนเยอะ ถ่ายเซลฟี่เก็บไม่หมดด้วย Wide Selfie หรือถ่ายภาพพานอราม่าด้วยกล้องหน้า ซึ่งGalaxy Note 4 จะทำให้เราเก็บภาพได้กว้างถึง 120 องศาเลยทีเดียว ซึ่งในงานก็มีการเดโมการใช้งานให้ดู และ GalaxyNote 4 ก็ทำออกมาได้อย่างน่าพอใจอยู่
ส่วนกล้องหลังที่ Samsung ยื้อทำเป็น Software(DIS) อยู่นาน ทำให้เวลาถ่ายภาพกลางคืนเราจะเห็นว่ากล้องต้องเสียเวลาประมวลผล 1-2 วินาทีในทุกภาพ สุดท้ายก็ยอมใส่ระบบกันภาพสั่น OIS (Optical ImageStabilization) ใน Galaxy Note 4 เป็น Hardware มาให้สักที ทำให้ปัญหาดังกล่าวจะลดน้อยลง ซึ่งรุ่นพรีเมียมอื่นๆมีให้ใช้กันตั้งแต่ปีที่แล้ว
สรุป จากที่ Samsung เคยเด่นเรื่องกล้องจนตามหลัง แต่วันนี้ได้เพิ่มหลายๆอย่างกลับมาให้ทัดเทียมกับคู่แข่งแล้ว ก็ต้องรอดูว่าเมื่อถ่ายภาพและใช้งานจริงจะทำออกมาได้ดีขนาดไหน แก้ปัญหาการเปิดกล้องช้า-ถ่ายภาพหน่วงที่คาราคาซังมาตั้งแต่ Galaxy S4 ให้หมดไปได้หรือยัง 3.Multitasking : การทำงานหลายๆอย่างพร้อมกันได้ง่ายขึ้น
Multi Window เป็นความสามารถที่มีมาให้เห็นตั้งแต่ Galaxy Note 2 แต่ก็มีคนไม่เคยใช้หรือบ่นอยู่เนืองๆถึงความยากลำบากในการใช้งาน ซัมซุงก็รู้ปัญหานี้ดีจึงมีการปรับเปลี่ยนการใช้งานให้ทำได้ง่ายขึ้น เปิดใช้งาน Multi Window เพียงลาแอพกจากมุมจอ ก็จะย่อขนาดแอพที่ใช้ได้ทันที กดลากแอพขึ้นไปด้านบนของจอเพื่อเปิดใช้ splitview ได้ทันที สรุป เป็นการปรับให้ใช้งานหลากหลายแอพพร้อมกันได้ง่ายขึ้น และเข้าถึงกลุ่มคนอีกหลายๆกลุ่มได้ดีกว่าเดิม และนี่ก้เป็นอีกจุดเด่นของซีรีย์ส Galaxy Note ที่แม้ว่าจะมีคู่แข่งพยายามทำตาม แต่ก็ยังทำออกมาได้ไม่ดีเท่ากัน 4.Power Management : กินไฟน้อยลง และชาร์จไฟได้เร็วขึ้น
เราจะไม่ได้เห็นการเพิ่มปริมาณแบตเตอรี่เข้าไปในGalaxy Note 4 เยอะกว่ารุ่นก่อนๆมาก โดยจะมีเพิ่มจาก Note3 เพียง 20mAh เท่านั้น (3200 --> 3220 mAh) แต่อย่างไรก็ดี มีการเคลมว่าชิ้นส่วนของ Galaxy Note 4 จะกินไฟน้อยลง และใช้งานได้ยาวนานขึ้นถึง 7.5% แม้หน้าจอจะมีขนาดที่ใหญ่และละเอียดขึ้นก็ตาม
ไม่ใช่เพียงการกินแบตที่น้อยลง แต่ว่า GalaxyNote 4 ยังชาร์จแบตได้ไวขึ้นมากด้วย โดยจะสามารถชาร์จแบตได้ไวขึ้นมาก 0-50% ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้นหมดห่วงแบตเหลือน้อยไปได้เปราะนึง แต่ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องหัวชาร์จหรือสายไฟที่ต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะเหมือนบางค่ายหรือเปล่า ซึ่งจะค่อนข้างวุ่นวายต่อการใช้งานมาก สรุป ตัวที่น่าสนใจคงจะไม่พ้น Fast Charging ที่แม้ว่าเครื่องจะกินไฟจากปัญหาอะไรก็ตาม คนก็ยังจะสามารถใช้งานเครื่องต่อไปได้แบบรวดเร็ว เพียงทิ้งชาร์จเอาไว้แค่ครึ่งชั่วโมง เมื่อนำไปรวมกับ Ultra Power Saving Mode ที่มีในGalaxy S5 อีกด้วยนั้น ก็ทำให้ผู้ใช้อุ่นใจได้ระดับนึง ส่วนว่าใช้งานจริงจะอึดถึกทนแค่ไหน เดี๋ยวมาทดสอบกันอีกทีครับแต่ก่อนที่เราจะไปไล่เรียงจุดเด่นแต่ละข้อ เรามาดูข้อมูลพื้นฐานที่คนให้ความสนใจกันก่อน นั่นคือ สเปคและดีไซน์ของGalaxy Note 4 วัสดุและการดีไซน์
ส่วนที่เปลี่ยนแปลงจาก Galaxy Note 3 อย่างชัดเจน คือขอบเครื่อง และขอบจอ โดยขอบเครื่องได้นำเอาวัสดุโลหะมาใช้ เหมือนกับ GalaxyAlpha ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า แต่ว่าก็เป็นแค่ส่วนเดียวเท่านั้นที่เป็นโลหะ เพราะฝาหลังซัมซุงยังคงเลือกใช้วัสดุหนังสังเคราะห์เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนพื้นผิว ตัดส่วนที่เป็นรอยเย็บออกไป
ขอบจอมีความโค้งมนที่ 2.5D โดยซัมซุงบอกว่าขอบจอแบบนี้จะทำให้เครื่องมีความแข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทกมากขึ้น
สำหรับเรื่องความเบาและความบางของ Galaxy Note 4 ไม่ได้ดีขึ้นกว่า Galaxy Note 3 แต่ก็หนาและหนักขึ้นกว่าเดิมแบบที่ไม่น่าจะรู้สึกได้ และมีตัวเลือกสีให้เลือกถึง 4 สีพร้อมชื่อเรียกที่ไม่ยอมเป็นแค่ ดำ ขาว ทอง ชมพู
เพิ่มเติม
อีกความสามารถเด่นที่หลายๆคนน่าจะชอบคือการอัดเสียงที่ทำประหนึ่งเครื่องอัดเสียงราคาแพง ด้วยการเพิ่มไมค์เป็นสามตัวบน Galaxy Note ซึ่งเมื่อใช้ระหว่างการประชุม มันจะจดจำตำแหน่งคนที่พูดในวงสนทนาได้สูงสุดถึง8 ทิศทาง และกลับไปเล่นโดยเลือกเฉพาะทิศทางใดทิศทางหนึ่งก็ได้ ทำให้เสียงคมชัดมากขึ้นกว่าเดิม หรือเมื่อเลือกโหมดสัมภาษณ์ ก็จะตัดเสียงรบกวนรอบข้างออกได้สะอาดมากขึ้น ได้คุณภาพของงานที่ดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งการเพิ่มไมค์เป็นสามตัวนี้ก็ช่วยให้การตัดเสียงรบกวนระหว่างสนทนาเป็นได้ได้ดีขึ้นด้วย เพราะวิธีการตัดเสียงรบกวนนั้นก็คือนำเอาเสียงที่เข้าจากทั้งสามไมค์มาเทียบเพื่อหาว่าเสียงไหนเป็นเสียงของเราและเสียงไหนเป็นเสียงรอบข้างนั่นเอง
และนี่คือความสามารถใหม่ๆและความเปลี่ยนแปลงของ Galaxy Note 4 ผู้สืบต่อในซีรีย์สตระกูล Noteซึ่งจากความสามารถแล้วอาจจะไม่ได้มีอะไรทำให้ว้าวตาลุกวาวได้เหมือนก่อน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของฮาร์ดแวร์แบบรุนแรงจนทำให้คนอยากเปลี่ยนเครื่อง ความสามารถต่างๆเน้นไปที่ซอฟท์แวร์มากกว่า แต่การเก็บเอาเรื่องเล็กๆน้อยๆมาผสมปนกันจนดูลงตัว และสนใจความต้องการของผู้ใช้ มากกว่าส่ิงที่ตัวเองต้องการจะขาย ก็เป็นอะไรที่มีเสน่ห์อย่างนึงในโทรศัพท์รุ่นเรือธงของ Samsung Galaxyในวันนี้ > |