ฟีเจอร์วัดความดัน และ วัดคลื่นหัวใจไฟฟ้า ใน Galaxy watch 

ขณะนี้ Galaxy Watch4 / 5 series สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์การวัดคลื่นหัวใจไฟฟ้า (ECG) และวัดความดัน (Blood Pressure)  ได้แล้ว

ซึ่งรุ่นที่รองรับจะสามารถทยอยอัพเดต Software และเริ่มใช้งานกัน 
เริ่มจากรุ่น LTE ก่อน แล้วตามด้วยรุ่น BT 

  วิธีติดตั้ง App Samsung Health Monitor  เพื่อใช้งาน  

บนสมาร์ทโฟน
1. Search หา App บน Galaxy Store หรือ ติดตั้งซอฟแวร์บนนาฬิกาก่อน แล้วกด “Download the
App” บนนาฬิกา เพื่อลิงก์มาที่ Galaxy Store

ใน App Galaxy Wearable
1. เข้า App Galaxy Wearable (บนสมาร์ทโฟน) และ กดเลือกสมาร์ทวอชที่จับคู่ไว้
2. เลือก Watch Setting 
3. เลือก Watch Software Update
4. เลือก Download และติดตั้งจากนั้นทำตามที่ขั้นตอนขึ้นแนะนำ
*เพื่อติดตั้งและอัพเดตซอฟแวร์ต้องมีแบตอย่างน้อย 30%

 - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

   วิธีการใช้งานการวัด ECG บน Galaxy Watch  

1. เปิด App Samsung Health Monitor บน Galaxy Watch
2. กดเลือก ECG 
3. ทำตามวิธีการที่ปรากฏบนสมาร์ทโฟน (สำหรับการเริ่มใช้งานครั้งแรก จะมีการให้ตั้งค่าข้อมูลต่างๆ)
4. วางแขนบนโต๊ะให้สบาย ตรวจสอบและใส่นาฬิกาให้กระชับที่ข้อมือด้านซ้าย  จากนั้นใช้นิ้วชี้ด้านขวา แตะบนปุ่มโฮม (ปุ่มบน) ของ Galaxy Watch เป็นเวลา 30 วินาที อยู่นิ่งๆและอย่าพูดในขณะที่ Galaxy Watch ทำการวัด
(อย่ากดปุ่มโฮมระหว่างการบันทึกไม่งั้นจะเป็นการหยุดการบันทึก)
5. เมื่อกระบวนการบันทึกเสร็จสิ้น ผลลัพธ์ ECG จะปรากฏบนนาฬิกาของคุณ
    จากนั้นให้คุณแตะเพิ่มอาการ / symptoms (ถ้ามี)
  - เลือกบันทึกอาการ และกดเซฟ เสร็จสิ้นเพื่อกลับสู่หน้าหลัก
  - ผลของการวัดค่า จะลิงก์ไปที่โทรศัพท์เช่นกัน สามารถดู และ share report ได้ที่แอป Samsung Health Monitor

ผลลัพธ์บนแอป Samsung Health 

1. Sinus Rhythm หัวใจเต้นจังหวะปกติ
2. Atrial Fibrillation (AFib) จังหวะการเต้นหัวใจผิดปกติ
3. Inconclusive ไม่สามารถสรุปผลได้
4. Poor Recording  การบันทึกไม่ดี

วิธีการดูและอ่านผลลัพธ์ทั้งหมด 4 แบบ

1. Sinus Rhythm— หมายความว่า ในระหว่างการบันทึกหัวใจกำลังเต้นเป็นจังหวะปกติด้วยอัตราการเต้นของหัวใจ 50-100 ครั้งต่อนาที (BPM)
      ข้อควรระวัง : ผลนี้ไม่ได้รับประกันว่าคุณจะไม่ประสบภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือภาวะสุขภาพอื่นๆ หากคุณรู้สึกไม่สบายหรือมีอาการใดๆ คุณควรปรึกษาแพทย์

2. Atrial Fibrillation (AFib) — หมายความว่าในระหว่างการบันทึกหัวใจกำลังเต้นผิดจังหวะ/จังหวะการเต้นหัวใจผิดปกติ ด้วยอัตราการเต้นของหัวใจ 50–120 BPM
       หากคุณได้รับผลลัพธ์นี้ให้ติดต่อแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ

3. Inconclusive : ไม่สามารถสรุปผลได้ —หมายความว่าการบันทึก ECG ไม่สามารถจำแนกได้เนื่องจากอัตราการเต้นของหัวใจสูงหรือต่ำเกินไป หรืออัตราการเต้นหัวใจไม่ใช่ทั้ง Sinus Rhythm หรือ Atrial Fibrillation หากคุณได้รับผลนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกให้ติดต่อแพทย์ของคุณ
     ที่ไม่สามารถสรุปได้ อาจเป็นผลมาจากสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งต่อไปนี้
        I. อัตราการเต้นของหัวใจระหว่างการบันทึกน้อยกว่า 50 BPM (อัตราการเต้นของหัวใจต่ำ*) หรือ
        II. อัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า 100 BPM (อัตราการเต้นของหัวใจสูง**) แต่ก็ไม่ใช่จังหวะแบบ Atrial Fibrillation
        III. จังหวะการเต้นหัวใจไม่ใช่ทั้ง Sinus Rhythm หรือ Atrial Fibrillation
        IV. จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติแบบ Atrial Fibrillation โดยที่มีอัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า 120 BPM
  *อัตราการเต้นของหัวใจต่ำอาจเป็นเรื่องปกติ เช่น ในนักกีฬาที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากยาหรือเงื่อนไขบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางไฟฟ้าผิดปกติภายในหัวใจ
  **อัตราการเต้นของหัวใจสูงอาจเป็นเรื่องปกติ เช่น ระหว่างออกกำลังกายหรือความเครียดทางอารมณ์นอกจากนี้ยังสามารถตอบสนองต่อการคายน้ำ ไข้การติดเชื้อหรือเงื่อนไขอื่นๆรวมทั้งภาวะหัวใจห้องบนหรือภาวะอื่นๆ

4. Poor Recording : การบันทึกไม่ดี —ผลลัพธ์นี้ให้หมายความว่าแอป ECG ไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ การบันทึกที่ไม่ดีมักเกิดขึ้่นเนื่องจากร่างกายของคุณเคลื่อนไหวระหว่างการบันทึกหรือ Galaxy Watch สัมผัสกับข้อมือหรือนิ้วของคุณไม่เพียงพอ ให้ลองทำตามขั้นตอนใหม่อีกครั้งอย่างถูกต้อง

  วิธีการใช้งานการวัด Blood Pressure บน Galaxy Watch  

1. เปิด App Samsung Health Monitor บน Galaxy Watch และ กดเลือก Blood Pressure
2. ททำตามวิธีการที่ปรากฏบนสมาร์ทโฟน (สำหรับการเริ่มใช้งานครั้งแรก จะมีการให้ตั้งค่าข้อมูลต่างๆ)
3. ต้องทำการวัดและปรับเทียบ (calibrate) กับเครื่องวัดความดันแบบพันต้นแขนก่อนทั้งหมด3 ครั้ง >> ทุกครั้งที่วัดเสร็จให้กรอกเลขลงไป
   (มีวิธีการบอก step by step ตอนกดติดตั้งและเริ่มใช้งานบนโทรศัพท์)
4. เมื่อปรับเทียบค่าเสร็จก็สามารถใช้งานฟีเจอร์ได้
 - ผลของการวัดค่าจะปรากฏขึ้นทั้งบน Galaxy watch และ จะลิงก์ไปที่โทรศัพท์เช่นกัน สามารถดู และ share report ได้ที่แอป Samsung
Health Monitor

*ต้องทำการวัดปรับเทียบ (calibrate) กับเครื่องวัดความดันแบบพันต้นแขนทุกๆ 28 วันเพื่อความแม่นยำ
**หลักการทำงานของการวัดค่า Blood Pressure : จะเป็นการใช้เซนเซอร์ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ และแอป Samsung
Health Monitor เพื่อไปเทียบกับความดันที่เราได้ตั้งค่าเอาไว้ตอนแรก จากนั้นจึงคำนวณออกมาเป็นค่าความดันเลือดในขณะนั้น

วิธีการอ่านค่าความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ

• Systolic Blood Pressure (SYS) หรือ ตัวเลขบน : เป็นความดันสูงสุดในหลอดเลือดแดงขณะหัวใจบีบตัวและสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
      ค่าปกติไม่ควรเกิน 120 mmHg
      ค่าอยู่ระหว่าง 120 -139 mmHg แสดงว่าอยู่ในภาวะ Prehypertension มีความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง
      ค่าอยู่ระหว่าง 140 – 159 mmHg แสดงว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงระดับ 1
      หากเกิน 160 mmHg แสดงว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงระดับ 2

• Diastolic Blood Pressure (DIA) หรือ ตัวเลขล่าง : คือ เป็นความดันต่ำสุดในหลอดเลือดแดงขณะที่หัวใจคลายตัวระหว่างพักจากการสูบฉีดเลือด
      ค่าปกติไม่ควรเกิน 80 mmHg
      ค่าอยู่ระหว่าง 80 – 89 mmHg แสดงว่าอยู่ในภาวะ Prehypertension มีความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง
      ค่าอยู่ระหว่าง 90 - 99 mmHg แสดงว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงระดับ 1
      หากเกิน 100 mmHg แสดงว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงระดับ 2

• Pulsation (PUL) คือ ชีพจร หรืออัตราการเต้นของหัวใจ : โดยการเต้นของหัวใจ 1 ครั้ง จะมีการบีบตัวให้เกิดแรงดันสูบฉีดเลือดมาเลี้ยงร่างกาย โดยปกตค่าชีพจรจะอยู่ระหว่าง 60-100 ครั้ง/นาที

​​​​​​​