ราคา 23,800 (16GB) ปรับราคาเหลือ 18,900 วันที่ 1 ธ.ค. 57

เริ่มวางจำหน่าย 1 เมษายน 57

SM-G900F รองรับเครือข่าย 4G (LTE)

SM-G900H รองรับเครือข่าย 3G

ปัจจุบัน Galaxy S5 รุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทย จะเป็นรุ่น 4G โมเดล SM-G900F
แต่อาจจะมีลูกค้าให้ตรวจสอบ IMEI ยกตัวอย่าง รุ่น SM-G900H 353285060826542 ซึ่งเป็นโมเดลเครื่อง 3G จะไม่ได้วางจำหน่ายในประเทศไทย

แต่พอเช็คจากในระบบออกมา Shipping Country = Thailand คือนำเข้ามาจำหน่ายโดยบริษัท ไทยซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ (กรณีน้องคนไหนมาเปิดคอมเช็คอีมี่เอง) ให้ดูจากในระบบในหัวข้อ Buyer ถ้าไม่ใช่ลงท้ายด้วย THL จะเป็นเครื่องที่จำหน่ายในประเทศอื่น เช่น เขมร พม่า ลาว เช่น Buyer เป็น ZKACAM จะเป็นเครื่องที่จำหน่ายในประเทศลาว

Shipping Country = Thailand คือรับประกันศูนย์ไทย เผื่อกรณีลูกค้า ซื้อเครื่องโมเดล SM-G900H มาแล้วเช็คอีมี่เป็น Thailand

** เพราะฉะนั้น เมื่อเช็คในระบบแล้วขึ้น Shipping Country เป็น Thailand ไม่ว่าโมเดลจะเป็น G900F หรือ G900H แล้ว Buyer จะเป็น ZKACAM  หรือ ZKATHL ถือว่ามีการรับประกันที่ไทยทั้งหมด

สรุปสเปค Samsung Galaxy S5   ดู preview
- Android 4.4.2
- รองรับ 4G LTE (ยังไม่ระบุเครือข่าย)

- Micro sim
- Quad-core 2.5GHz + 2GB RAM
- หน้าจอ 5.1" FHD Super AMOLED
- หน่วยความจำ 16/32GB + MicroSD (ของไทยขายแต่16GB )
- กล้องหลัง 16 ล้าน กล้องหน้า 2.1 ล้านพิกเซล
- กันน้ำกันฝุ่น IP67, วัดชีพจรได้, แสกนลายนิ้วมือ
- แบตเตอรี่ 2800 mAh
- วัสดุหนังสังเคราะห์ แต่คนละพื้นผิวกับ Galaxy Note 3

*** 4G ที่รองรับคือ LTE (1,3,5,7,8,20)

     โดยที่ LTE Brand มีความหมายดังนี้

          1 =2100MHz
          3 = 1800MHz
          5 = 850MHz
          7 = 2600MHz
          8 = 900MHz
          20 = 800MHz

*** ถ้าซื้อเครื่องที่ไทย แล้วไปใช้เครื่องครั้งแรกที่เมืองนอก (ใช้ซิมต่างประเทศ) จะติด activation lock  เป็นการป้องกันการนำเครื่องหิ้วมาขาย เพราะฉะนั้นซื้อเครื่องไทย ต้องใส่ซิมครั้งแรกที่ไทยก่อน

*** IP67 คือ กันฝุ่นได้ในระดับหนึ่ง และ กันน้ำได้ในระดับ ฝนสาด แต่จุ่มน้ำไม่ได้

ใน Galaxy S5 มีลูกเล่นอะไรบ้าง

     อย่างแรกคือหน้าตาของ Samsung Galaxy S5 ที่บ้างก็บอกว่าสวยดีชอบ บางคนก็บอกมันดูเหมือนรุ่นเก่าๆ ก่อนหน้านี้ เหมือนย้อนกลับไปใช้ดีไซน์ของ Galaxy S ตัวแรกบ้าง ส่วนตัวผมว่าฝาหลังมันก็ไปคล้ายๆ กับตอน Galaxy Cooper อยู่นิดๆ

     หน้าจอของ Samsung Galaxy S5 นั้นนอกจากจะเป็น Full HD Super AMOLED ขนาด 5.1 นิ้วแล้ว จุดเด่นของมันยังมีเรื่องของความสว่างที่สามารถเร่งให้สว่างขึ้นได้มากกว่าเดิม และยังลดความสว่างได้ต่ำดำมืดสุดๆ ชนิดที่ตอนกลางคืนไม่ต้องบ่นแสบตากันเหมือนรุ่นก่อนๆ

     ปรับให้ UI ของ Galaxy S5 ดูง่ายขึ้น และดูสะอาดสะอ้านมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับใช้งาน icon บางส่วนเพิ่มเข้ามา แต่รวมๆ ยังคงความเป็น TouchWiz ไว้อยู่พอสมควร ไม่ได้ปรับเยอะอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก

     ระบบสแกนลายนิ้วมือหรือ Finger print scan ของ Galaxy S5 นั้นแตกต่างจากของ iPhone อย่างที่ลือกันออกมาก่อนหน้านี้ โดยเราต้องใช้นิ้วลากผ่านปุ่มโฮมเท่านั้น

     เรื่องของกล้องความละเอียด 16 ล้านที่ทาง Samsung ได้เน้นไปที่ความเร็วในเรื่องของการโฟกัสภาพ (Fast AF) ที่ใช้เวลาแค่ 0.3 วินาทีกล้องก็สามารถจับโฟกัสได้แล้ว พร่อมด้วยระบบ Selective Focus ที่ใช้ปรับจุดโฟกัสของภาพที่เราถ่ายมาแล้วได้ จะเบลอหน้าเบลอหลังก็ปรับไป ส่วน LED Flash ที่ตอนแรกคาดการว่าจะเป็นการใช้แฟลช 2 ดวงนั้นไม่ใช่ครับ เพราะช่องข้างๆ ไฟ LED ที่เห็นด้านบนนั้นคือช่องตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจหรือ Heart Rate Monitor โดยการที่เราเอานิ้วไปแตะไว้สักพัก ก็สามารถวัดค่าได้

     Samsung Galaxy S5 ถูกออกแบบมาให้สามารถทนน้ำทนฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP67 ซึ่งแน่นอนว่ามีจุกมาปิดเพิ่มบริเวณช่อง micro USB ด้านล่าง

     ส่วนความเร็วทางด้านรับส่งข้อมูล Samsung Gaalxy S5 รองรับ LTE และ WiFi MIMO (802.11ac) แต่ที่เป็นไฮไลท์จริงๆ คือระบบ Download Booster ที่เพิ่มความเร็วให้กับการใช้งานของคุณผ่านการเปิดใช้งานทั้ง 4G และ WiFi ร่วมกัน พูดง่ายๆ ว่าเล่นเน็ทผ่านทั้ง 2 ทางไปพร้อมกันเพื่อเพิ่มควมเร็วให้เต็มพิกัด

     ระบบ Ultra Saving Mode เป็นระบบใหม่ที่ออกมาช่วยให้การใช้งานสมาร์ทโฟนที่เหลือเพียงแค่ 10% สุดท้ายสามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุด สแตนบายด์ได้ถึง 24 ชั่วโมง โดยเมื่อ Samsung Galaxy S5 ก้าวเข้าสู่โหมดนี้ มันจะปรับหน้าจอเป็นขาวดำและปิดการใช้บริการแทบทุกอย่างของตัวเครื่อง ให้คงเหลือแต่บริการพื้นฐานเช่นโทรเข้าออกหรือรับส่งข้อความ พูดง่ายๆว่ากลายร่างจากสมาร์ทโฟนเป็นมือถือบ้านๆ เน้นการโทรเข้าโทรออก แต่ยืดอายุแบตไปให้นานที่สุดเพื่อไม่ให้คุณขาดการติดต่อนั่นเอง

     Samsung ยังพัฒนา S Health ต่อยอดจาก S4 โดยใน Galaxy S5 นั้นเน้นเจาะไปในกลุ่มผู้ออกกำลังกายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรองรับอุปกรณ์ ANT+ เข้ามา หรือใส่ตัว Heart Rate Monitor ตัววัดอัตราการเต้นหัวใจ รวมถึงการเก็บข้อมูลและสถิติการออกกำลังกายประเภทต่างๆ ได้หลากหลายประเภทมากขึ้น รวมถึงการใช้อุปกรณ์เสริม Samsung Gear Fit

ความแตกต่างระหว่าง USB 2.0 และ USB 3.0

       USB 3.0 ทำให้การถ่ายโอน ( transfer ) ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ เร็วกว่า USB 2.0 มากทีเดียว แต่ว่าการจะใช้ USB 3.0 ได้ ต้องรองรับทั้งอุปกรณ์ต่อเชื่อมและเครื่องคอมฯด้วย ต้องเป็น USB 3.0 ทั้งคู่ คือถ้าเป็นเครื่องคอมฯรุ่นเก่าอาจจะไม่มีรูให้เสียบหัว USB 3.0 แต่เอาหัว 3.0 ไปเสียบรู 2.0 ก็ได้ เพียงแต่ความเร็วมันก็ได้แค่ 2.0  และถ้าใช้ระบบปฏิบัติการไม่เกิน Windows XP ก็ไม่รองรับ USB 3.0

USB 2.0 : 480 Mbit/วินาที = 60 MB/วินาที
USB 3.0 : 5,120 Mbit/วินาที = 640 MB/วินาที

เพื่อให้เข้าใจชัดขึ้น สมมุติว่าโอนไฟล์ภาพยนตร์คมชัดระดับ HD ถ้าขนาด 25 กิกะไบต์
- USB 3.0 จะใช้เวลา 70 วินาที เท่านั้น
- ในขณะที่ USB 2.0 ต้องใช้เวลาประมาณ 14 นาทีถึงจะเสร็จ
( ผลการทดสอบในห้องแล็บ ไม่ใช่ความเร็วเมื่อใช้งานจริง )

USB 2.0                                                                                                USB 3.0               

>